“ของอร่อยบางอย่าง ไม่ดีนะ!”
ใช่ว่าจะมาพูดให้ตระหนกตกใจ แต่เพื่อให้เกิดความระมัดระวัง กับการทานอาหารบางชนิด ที่ถ้าทานแต่พอดี ก็คงจะดี แต่หากทานมากเกินไป ก็อาจเป็นการสะสมพิษในร่างกาย และนำไปสู่การเจ็บไข้ได้ป่วยโดยยากจะหลีกเลี่ยง และนี่ก็คืออาหาร 5 ประเภทที่ถ้าเพลาๆ ได้ ร่างกายของคุณก็จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
1.ไข่เยี่ยวม้า
ถ้าเป็นไข่เยี่ยวม้าที่ทำด้วยวิธีธรรมชาติ ก็จะไม่เป็นปัญหา แต่ทว่าปัจจุบัน เนื่องจากความต้องการบริโภคมีสูง ผู้ผลิตจำนวนหนึ่งจึงมีการเติมสารตะกั่วอ็อกไซด์หรือซัลไฟด์ลงในส่วนผสมหรือแช่เพื่อช่วยให้เป็นไข่เยี่ยวม้าเร็วๆ และได้ผลสูง จึงอาจทำให้ไข่เยี่ยวม้ามีสารตะกั่วปนเปื้อน ซึ่งสารตะกั่วตัวที่ว่านี้จะส่งผลโดยตรงต่อกระดูก ระบบประสาท ระบบไต ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมักจะมีอาการท้องผูกตามมา ถ้าได้ทานเข้าไป และถ้าได้รับสารตะกั่วมากๆ เข้า นานวันเข้า กล้ามเนื้อกระดูก ข้อมือ ข้อเท้า อาจเป็นอัมพาต สมองบวม ชัก และอาจเสียชีวิตได้
2.ปาท่องโก๋
เรารู้ล่ะว่า ปาท่องโก๋เกิดจากวัตถุดิบซึ่งก็คือแป้งที่นำมาใช้ทอด และแป้งก็มีผลต่อความอ้วนโดยตรง แต่อย่าเพิ่งตกใจ เพราะยังมีสิ่งที่น่าสะพรึงมากกว่านั้นก็คือ “น้ำมัน” ที่ใช้ทอดปาท่องโก๋ ซึ่งตามความจริง อาจไม่เป็นทุกเจ้าที่ขาย หากแต่พ่อค้าแม่ค้าบางรายอาจคำนึงถึงเรื่องกำไร-ขาดทุน จนละเลยต่อสุขภาพผู้บริโภค จึงใช้น้ำมันทอดซ้ำ วนไปวนมา และจากผลสำรวจ บางรายใช้น้ำมันเดิมวนซ้ำมากกว่า 30 ครั้ง ความน่ากลัวของมันก็อยู่ตรงนี้
เพราะโดยธรรมชาติของน้ำมันนั้น หลังจากผ่านความร้อนสูงติดต่อกันยาวนาน มันจะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นสารประกอบที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น “สารโพลาร์” ซึ่งสามารถนำพาโรคความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือ “สารโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน” (PAH) ที่เป็นสารก่อมะเร็ง ดังนั้น ถ้าเลือกได้ ลองสังเกตดูว่าแม่ค้าพ่อค้าเจ้าใดมักใช้น้ำมันทอดซ้ำนานๆ แต่การจะสังเกตแบบนั้นได้ คงเป็นเรื่องยาก สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือไม่ควรมากหรือติดต่อกันนานเกินไป เพราะอย่างน้อยๆ ไม่เจอเจ้าสารพิษพวกนั้น ร่างกายของคุณก็จะไม่อ้วนจากการทานปาท่องโก๋เยอะเกินไปด้วย
3.ตับหมู
อีกหนึ่งส่วนประกอบในเมนูยอดฮิตของคนไทยเรา บางคนเช้าขึ้นมาก็ “ต้มเลือดหมู” ชามโตแล้ว และในต้มเลือดหมูก็ย่อมมีตับหมูประกอบด้วย ขณะที่เมนูย่างหรือทอด ก็ฮอตฮิตไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตาม ถึงจะอร่อยชวนรับประทาน ก็ควรทานแต่พอเหมาะ เพราะในตับหมูนั้นมีปริมาณคอเลสเตอรอลสูงมาก ซึ่งจากที่มีการวัดผล ตับหมูน้ำหนักหนึ่งกิโลกรัม จะมีคอเลสเตอรอลมากกว่า 400 มิลลิกรัม ซึ่งโดยปกติ คอเลสเตอรอลของคนเราระดับมาตรฐานไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัม ก็แน่ล่ะว่า เราอาจจะไม่ได้ทานตับหมูทีเดียวเป็นกิโลกรัมขนาดนั้น แต่การทานบ่อยๆ นานๆ ในปริมาณมากๆ ก็เป็นการสะสมคอเลสเตอรอลได้ และเมื่อเกินระดับมาตรฐาน จะส่งผลให้หลอดเลือดเกิดการแข็งตัว และเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้
4.อาหารหมักดอง
เป็นอาหารที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด แต่ธรรมชาติของการหมักดองจะต้องใช้โซเดียมเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว มีการสำรวจพบว่า ไข่เป็ดที่ยังไม่ได้นำมาทำไข่เค็มหนึ่งฟองมีโซเดียมเกือบสองร้อยมิลลิกรัม และเมื่อนำไปทำไข่เค็ม ปรากฏว่ามีค่าโซเดียมสูงถึงเก้าร้อยกว่ามิลลิกรัม ด้วยเหตุนี้ ถ้าทานประจำหรือบ่อยๆ จะมีโซเดียมเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่สูงเกินไป ซึ่งเจ้าสารโซเดียมนี้ก็ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรตไตได้ นอกจากนี้ ยังพบสารชนิดอื่นๆ ที่นิยมใช้ในอาหารหมักดองด้วย เช่น สารกันเชื้อรา สี สารกันเสีย และสารฟอกสีในผักดอง ซึ่งก็ยิ่งจะส่งผลลบต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น
5.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ไม่รวมเอาไว้ด้วย คงเป็นความผิดพลาดอย่างฉกาจฉกรรจ์ เพราะนี่คืออาหารยอดฮิตอีกชนิดหนึ่งซึ่งหาซื้อง่าย สะดวกสบายในการรับประทาน แต่ถ้าจะต้องบรรยายโทษของอาหารประเภทนี้ คงจะยาวเป็นหางว่าว มีผลสำรวรจชิ้นหนึ่งซึ่งน่าสนใจมาก ระบุว่า น้ำมันที่ใช้ทอดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้น มักเป็นน้ำมันพืชราคาถูก และเป็นที่มาของ “ไขมันทรานส์” ที่เป็นต้นตอกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจ
นอกไปจากนั้น ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังมีการตรวจพบสารตัวหนึ่งซึ่งชื่อว่า “สไตโรโฟม” เป็นสารเคมีที่พบมากในกล่องโฟมและพลาสติก และเจ้าสารเคมีตัวนี้ยังมีส่วนในการเข้าไปกระตุ้นการเจริญเติบโตเซลล์มะเร็งในร่างกายให้เติบโตด้วย เอาแค่โทษเบาะๆ ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างเรื่องมะเร็ง ก็น่าจะทำให้เราลดปริมาณการทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันได้บ้าง หรือไม่ทานเลยได้ ก็จะดี
ขอบคุณที่มา เว็บไซต์ mgronline
Leave A Comment